คิระ ยามาโตะเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับคางาริ ยูระ อัสฮา
หรือว่ากันตามจริงแล้ว็เป็นพี่น้องฝาแฝดกันนั่นล่ะ
คิระเกิดมาจากความทะเยอทะยานของผู้เป็นบิดาคือยูเรน ฮิบิกิ
ที่หวังจะสร้างสุดยอดโคออร์ดิเนเตอร์ให้สำเร็จ
และตามทั่วไปสไตล์นักวิทยาศาสตร์นี้ก็เอาสิ่งใกล้ตัวมาทดลองอยู่เสมอ
ไม่ตัวเองก็เอาเมียเอาลูกนั่นล่ะ
และคิระก็คือผลสำเร็จของพ่อ แต่แม้คิระจะเป็นผลสำเร็จของผู้เป็นพ่อ
เป็นสุดยอดมนุษย์ที่ใครๆก็อยากจะเป็น
แต่เจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกสนใจหรือภาคภูมิใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
สองพี่น้องคิระและคางาริจำต้องจากบิดาแลมารดาแท้จริงของตนตั้งแต่ยังเด็กด้วยเพราะในช่วงเวลาขณะนั้น
เกิดการต่อต้านโคออร์ดิเนเตอร์อย่างหนักและเหล่านักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นก็เป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธที่เรียกตนเองว่าบลูคอสมอส
เข้าโจมตีสถานีค้นคว้า GARM R&D บนโคโลนีเมนเดล(ซึ่งยูเรน ฮิบิกิ
ทำงานอยู่และเป็นอดีตหัวหน้าศูนย์วิจัยแห่งนี้)
โดยศูนย์วิจัยแห่งนี้เป็นสูนย์วิจัยค้นคว้าการสร้างมนุษย์โคออร์ดิเนเตอร์
และเมื่อวีอา
ฮิบิกิทราบข่าวจึงส่งตัวคิระและคางาริให้กับนางยามาโตะน้องสาวของตนเองดูแลลูกๆทั้งสอง
โดยต่อมานางยามาโตะได้มอบคางาริให้กับท่านอุซุมิไว้เป็นบุตรบุญธรรม
เมื่อคิระมาอยู่กับครอบครัวยามาโตะ
คิระก็รู้แต่เพียงว่าตนเป็นโคออร์ดิเนเตอร์รุ่น 1 เท่านั้น(โคออร์ดิเนเตอร์รุ่น 1
เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นเนเชอรัล) และใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองโคเพลนิกซ์บนดวงจันทร์
และที่นี่เองเขาได้พบกับอัสรัน ซาล่า
คิระกับอัสรันรู้จักกันที่โรงเรียนเตรียมความพร้อมที่โคเพลนิกซ์ ตอนอายุได้ 6
ขวบ
โดยโรงเรียนแห่งนี้เป็นดรงเรียนเตรียมสำหรับเหล่าโคออร์ดิเนเตอร์โดยเฉพาะ
ตอนเด็กคิระดูเป็นเด็กที่ไม่ค่อยสนใจหรือขยันเรียนเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกันอัสรัน
แถมยังชอบพึ่งอัสรันให้ช่วยทำงานทำการบ้านอีก(ไม่ดีจริงๆ)
แต่ถึงยังไงแววอัจฉริยะของนายคนนี้ก้ยังฉายแวว
จากการสร้างโปรแกรมอัจฉริยะแบบขี้โกง
จนมีโดนอัสรันต่อว่าไปบ้าง
ซึ่งทั้งสองคนนี้ต่างเป็นเพื่อนสนิทกันมากจริงๆ
ขนาดว่าก่อนอัสรันย้ายไปยังช่วยคิระทำการบ้านอีก(จะอะไรที่ไหนอย่งที่กล่าวไปแล้วในตอนของอัสรันว่าเจ้าโทรี่นี่ล่ะ
การบ้านของคิระ -*-)
ต่อมาครอบครัวยามาโตะได้ย้ายไปที่เฮลิโอโพลิสโคโลนี่เพื่อการวิจัยของอ๊อปซึ่งสร้างไว้เพื่อการวิจัยหาวัตถุดิบใหม่ๆจากเหมืองอุกกาบาต
และในปีC.E. 69 คิระไดเข้าศึกษาที่คณะเครื่องจักร ณ เฮลิโอโพลิส
การเรียนที่นี่ก็เป็นเหมือนการเตรียมพร้อมในการขับโมบิลสูทให้กับคิระเพราะบ่อยครั้งคิระต้องไปช่วยงานอาจารย์ในมอร์เกนเรทที่คอยทำหน้าที่สนับสนุนการทำอาวุธให้กับอ๊อปด้วย
เราคิดว่าหน้าที่ของคิระก็คงหนีไม่พ้นการปรับปรุงระบบทดลองOS
ของหุ่นยนต์อะไรประมาณนี้แน่นอน อย่างที่ใครๆเห็นใน G-seed ตอนแรก
คิระเข้าปรับปรุงระบบ OS
ของstrikeได้อย่างคล่องนั่นก็เป็นเพราะเค้ามีพื้นฐานอยู่แล้ว
จุดหันเหที่สำคัญในชีวิตของเด็กวัยรุ่นธรรมดาอย่างคิระก็เห็นจะเป็นวันที่ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับเพื่อนรักอย่างอัสรัน
ซาล่าซึ่งการพบกันนี้ดูเหมือนจะพบกันแบบผิดเวลาผิดที่ไปสักหน่อยเพราะดันมาพบกันตอนที่อัสรันเข้ามาบุกชิงหุ่นที่เฮลิโอโพลิส
จนเรื่องราวบานปลายกลายเป็นตำนานรักข้ามจักรวาล(ฮา)
โดยพื้นฐานของเด็กแบบคิระนั้นจัดว่านิสัยเหมือนเด็กวัยนี้ทั่วไป
คือไม่ค่อยจะยี่หร่ากับสงครามภายนอก
อาจเป็นเพราะถือว่าอ๊อปนั้นสงบสุข
แต่ด้วยความรักที่มีต่อเพื่อนจึงทำให้คิระจำใจต้องชักนำตนเองเข้าสู่สงครามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในภาคSEEDเป็นช่วงที่คิระต้องเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตอย่างหนัก
และเมื่อต้องมาเจอสภาวะที่กดดันแบบนี้ก็อาจทำให้เขามีสติแตกอยู่เหมือนกัน
การยอมขึ้นขับโมบิลสูทของคิระก็หาได้มาจากความสมัครใจของตัวเขาเอง
แต่มาจากคำว่าปกป้องและคำว่าโคออร์ดิเนเตอร์ค้ำหัวอยู่
คำว่าปกป้องเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำจุนจิตใจคิระให้สู้
ในขณะเดียวกันคำว่าโคออร์ดิเนเตอร์ก็เป็นสิ่งกดดันให้เข้าต้องสู้ด้วยเช่นกัน
สู้ด้วยความรู้สึกว่าถ้าไม่มีฉันก็ไม่มีใครทำได้
คิระจึงต้องสู้.....สู้.....และสู้....
ทั้งสองเป็นสิ่งผูกมัดให้คิระต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นความสูญเสีย การเอาตัวรอด
หรือแม้แต่ความรัก.....
สิ่งเหล่านี้ทำให้การมองโลกของคิระเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย
จิตใจของคิระก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน
ความสับสนของการเปลี่ยนแปลงจิตใจเป็นชนวนให้คิระเริ่มหาจุดยืนในสิ่งที่ตนทำไม่เจอและเริ่มเป็นเครื่องจักรในการทำสงครามมากขึ้น
จากความรู้สึกที่ฆ่าคนไม่ได้กลับกลายเป็นต้องฆ่าเพื่อปกป้องชีวิตตน
ตัวคิระเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งเหล่านั้นผิด
แต่ด้วยแรงบีบจากสิ่งแวดล้อมจึงต้องทำไปอย่างนั้น
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าจะเห็นพระเอกเรื่องนี้เป็นคนขี้แยร้องไห้อยู่เสมอ
จนเมื่อมาเจอกับลักซ์คิระเริ่มเห็นแสงสว่าง
และเริ่มตั้งคำถามว่าสู้กันอยู่แบบนี้ใช่ทางออกที่จะทำให้สงครามจบสิ้นหรือ
และในที่สุดเขาก็ได้พบคำตอบของตัวเขาเอง ว่าจะสู้เพื่อใคร
สู้เพื่ออะไร และแม้ว่าเขาคนเดียวจะไม่สามารถหยุดสงครามได้
แต่ก็ถือว่าตนเองยังได้ทำอะไรสักอย่างที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
ในภาคDestinyนี้คิระออกมาพร้อมกับอุดมการณ์อย่างแรงกล้า
และทำโดยยึดความถูกต้องของตนเอง สิ่งที่ตนเองเชื่อเป็นหลัก
โดยอุดมการณ์เหล่านี้ส่วนหนึ่งยอมรับได้ว่ามาจากลักว์ด้วยส่วนหนึ่ง
แต่อีกส่วนหนึ่งก็มาจากความรักสันติภาพด้วยตัวของเขาเอง
คิระในตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาควรปกป้องสิ่งใดและต้องต่อสู้กับสิ่งใด
โดยสิ่งนั้นก็คือสันติภาพที่ปราศจากสงครามนั่นเอง
ด้านความรัก คิระจัดว่าเป็นคนที่ล้ำหน้ากว่าใครเพื่อนทั้งหมด
นับตั้งแต่สัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับเฟรย์ที่ทำเอาเหล่าแม่บ้านที่นั่งดูการ์ตูนกับลูกตกตะลึงกันมาแล้ว
คิระรักเฟรย์
แต่ในความรักนั้นก็ยังมีความกลัวแฝงอยู่ด้วยเพราะเฟรย์จะคอยเป่าหูและพลักดันให้คิระสู้จนตัวตาย
เฟรย์ก็เป็นคนที่คิระหลงรักมาแต่ทุนเดิมอยู่แล้ว
ยิ่งมาทำตัวแบบนี้ใครเล่าจะไม่หลง
ดังนั้นความรักระหว่างเฟรย์และคิระน่จะจัดเป็นความลุ่มหลงมากกว่า
ส่วนกับคางาริ
อันนี้ขอพูดถึงเล็กน้อย
คิระสนิทกับคางาริด้วยเพราะคางาริเป็นคนเปิดเผยและไม่นับเขานับเราว่าเป็นเนอเชอรัลหรือโคออร์ดิเนเตอร์
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คิระต้องการมากที่สุดและคางาริก็มีให้
แต่....มันก็เป็นไปไม่ได้เพราะทั้งสองคนนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นพี่น้องกัน (โดยส่วนตัวถ้าเราไม่ได้รู้มาก่อนว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน
เราก็คงไม่เชียร์หรอก เพราะหน้าตามันเหมือนกันเกินไปดูยังไงก็พี่น้องกัน
-_-")
พูดถึงความสัมพันธ์กับนางเอกของคิระตัวจริงกันบ้างนั่นคือเจ้าแม่นักลักของ
ลักซ์ ไคลน์
คิระไม่ได้มีความรู้สึกว่ารักหรือชอบลักซ์ไปกว่าความรู้สึกเพื่อนเลยในตอนภาคSEED
แต่สำหรับภาค DESTINY
นั้นความรักของคิระที่อยากจะปกป้องลักซ์ก็มีอยู่เต็มเปี่ยม
และดูจากความรักของคิระทั้งหลายแล้วก็จัดว่านายคิระคนนี้เป็นคนที่มั่นคงและซื่อสัตย์ต่อความรักเพียงหนึ่งเดียวจริงๆ นับว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญสำหรับตาคนนี้
สรุปแล้วคิระในปัจจุบันนั้นเป็นคนที่มั่นคงและมีสติ
และคิดก่อนทำเสมอ
นับว่าเป็นการพัฒนาตัวเองที่ดีขึ้นมากทีเดียว(ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าท่านเทพเรอะ)
|